Doctor At Home: ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน (Acute Transverse Myelitis - ATM) ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน (Acute Transverse Myelitis - ATM) เป็นภาวะทางระบบประสาทที่ค่อนข้างหายาก แต่มีความรุนแรง เกิดจากการอักเสบของไขสันหลังในส่วนใดส่วนหนึ่ง ทำให้การส่งกระแสประสาทถูกขัดขวาง ส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายในส่วนที่อยู่ต่ำกว่าระดับที่อักเสบลงไปอย่างฉับพลัน
อาการที่พบบ่อย
อาการของไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือหลายวัน และอาจเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยทั่วไปอาการจะส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งสองข้าง แต่บางกรณีก็อาจเกิดเพียงข้างเดียว อาการหลักๆ ได้แก่:
อาการปวด: อาจเริ่มจากอาการปวดหลังส่วนล่างอย่างฉับพลัน และอาจปวดร้าวลงไปตามแขน ขา หน้าอก หรือท้อง อาการปวดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งของไขสันหลังที่อักเสบ
ความผิดปกติของการรับความรู้สึก: รู้สึกชา, เจ็บแปลบ, ร้อนหรือเย็นผิดปกติ, รู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดแน่นที่หน้าอก ท้อง หรือขา อาจไวต่อการสัมผัสเพียงเล็กน้อย หรือการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิมากผิดปกติ
อ่อนแรงของแขนขา: รู้สึกหนักที่ขา เดินเซ ลากเท้า หรืออาจมีอาการอ่อนแรงรุนแรงจนกระทั่งเป็นอัมพาตบางส่วนหรือทั้งหมดของแขน ขา หรือทั้งสองข้าง
ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะและลำไส้: ปัสสาวะบ่อยขึ้น กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะลำบาก หรือท้องผูก
อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วย: ไข้, ปวดศีรษะ, ปวดคอ, เบื่ออาหาร, ปัญหาการหายใจ (ในกรณีที่การอักเสบเกิดขึ้นในไขสันหลังส่วนคอ)
สาเหตุ
ส่วนใหญ่แล้วมักไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าเกิดจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ผิดปกติไปโจมตีไขสันหลังของตัวเอง ซึ่งอาจเกิดตามหลังภาวะต่างๆ เหล่านี้:
การติดเชื้อ: เช่น การติดเชื้อไวรัส (เริม, อีสุกอีใส, งูสวัด, หัดเยอรมัน, ไข้หวัดใหญ่, เอนเทอโรไวรัส) หรือแบคทีเรีย (วัณโรค, ซิฟิลิส, ไมโคพลาสมา)
โรคภูมิต้านทานตนเอง: เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis - MS), โรคนิวโรมัยอิไลติส ออพติกา (Neuromyelitis Optica - NMO), หรือโรคเอสแอลอี (Systemic Lupus Erythematosus - SLE)
หลังการได้รับวัคซีนบางชนิด: ซึ่งพบได้น้อยมาก
ภาวะไขสันหลังขาดเลือด: เช่น หลอดเลือดอักเสบ หรือมีลิ่มเลือดอุดตัน
มะเร็งบางชนิด: อาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกัน
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและประวัติทางการแพทย์ ร่วมกับการตรวจเพิ่มเติมดังนี้:
การตรวจร่างกายทางระบบประสาท: ประเมินการทำงานของระบบประสาท การรับความรู้สึก และกำลังกล้ามเนื้อ
การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ของไขสันหลังและสมอง: เพื่อดูการอักเสบของไขสันหลัง และแยกแยะสาเหตุอื่นๆ ที่อาจกดทับไขสันหลัง
การเจาะน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture / Spinal Tap): เพื่อตรวจหาสัญญาณของการอักเสบ เช่น จำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้น หรือโปรตีนในน้ำไขสันหลัง
การตรวจเลือด: เพื่อระบุสาเหตุที่เป็นไปได้ เช่น การติดเชื้อ หรือภาวะภูมิต้านทานตนเอง (เช่น ตรวจหาแอนติบอดีที่เกี่ยวข้องกับโรค NMO)
การรักษา
การรักษาไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันมักมุ่งเน้นไปที่การลดการอักเสบ การจัดการอาการ และการฟื้นฟูสมรรถภาพ:
คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids): เช่น Prednisolone มักให้ทางหลอดเลือดดำในปริมาณสูงเพื่อลดการอักเสบ
การเปลี่ยนถ่ายพลาสมา (Plasma Exchange - PLEX): ในบางกรณีที่ไม่ตอบสนองต่อสเตียรอยด์ อาจพิจารณาการเปลี่ยนถ่ายพลาสมาเพื่อกำจัดแอนติบอดีที่เป็นอันตรายออกจากเลือด
การรักษาตามอาการ:
ยาแก้ปวด: สำหรับอาการปวด
ยาคลายกล้ามเนื้อ: สำหรับอาการกล้ามเนื้อเกร็ง
การจัดการปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะและลำไส้: เช่น การสวนปัสสาวะ หรือยาระบาย
กายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด: มีความสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ความแข็งแรง และช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้มากที่สุด
ภาวะแทรกซ้อน
ผลการรักษาไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันไม่แน่นอน บางรายอาจฟื้นตัวได้เต็มที่ แต่หลายรายก็ยังคงมีภาวะแทรกซ้อนหลงเหลืออยู่:
อาการปวดเรื้อรัง: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยและอาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลง
กล้ามเนื้อเกร็ง (Muscle Spasticity): โดยเฉพาะที่สะโพกและขา
อัมพาตบางส่วนหรือทั้งหมด: อาจยังคงมีอาการอ่อนแรง หรืออัมพาตหลงเหลืออยู่หลังอาการเฉียบพลัน
ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะและลำไส้: อาจมีปัญหาต่อเนื่อง เช่น กลั้นปัสสาวะ/อุจจาระไม่อยู่
ปัญหาทางเพศ: อาจมีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
แผลกดทับ: จากการเคลื่อนไหวได้น้อยลง
การติดเชื้อ: โดยเฉพาะการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล: ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง หรือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
หากมีอาการที่สงสัยว่าเป็นไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด