โพสฟรี เว็บประกาศมากมายให้เลือกซื้อขาย
		หมวดหมู่ทั่วไป => โพสฟรีออนไลน์ => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่  8 กรกฎาคม  2025, 21:41:07 น.
		
			
			- 
				รู้จักกับโรคไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด (https://doctorathome.com/disease-conditions/177)
 
 ไวรัสตับอักเสบปัจจุบันมี 5 ชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบชนิด เอ บี ซี ดี และอี ซึ่งไวรัสตับอักเสบที่พบบ่อย คือไวรัสตับอักเสบชนิดเอ บี และซี ส่วนไวรัสตับอักเสบชนิดดีและอีพบได้น้อย
 
 ไวรัสตับอักเสบเอ (HEPATITIS A VIRUS)
 
 ไวรัสตับอักเสบเอ ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนไวรัส เช่น ผักสด น้ำแข็ง อาหารทะเลจำพวกมีเปลือกเช่น กุ้ง ปู หอยที่ปรุงไม่สุก ซึ่งเชื้อมีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 6 สัปดาห์ การติดเชื้อในเด็กส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ แต่ในผู้ใหญ่จะมีอาการแสดงของตับอักเสบเฉียบพลันที่รุนแรงและชัดเจนกว่า
 
 อาการโรคไวรัสตับอักเสบเอ
 
 อุจจาระ สีซีด
 
 ปัสสาวะ สีเข้ม ตาและตัวเหลือง
 
 อ่อนเพลีย อาจมีไข้
 
 คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร
 
 ปวดท้อง
 
 เด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ปีมักไม่มีอาการ วัยรุ่นขึ้นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะมีอาการตับอักเสบเฉียบพลัน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคตับอักเสบเรื้อรังจากสาเหตุอื่นมาก่อน
 
 ผู้ที่ควรรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ
 
 เด็กอายุมากกว่า 1 ปี
 
 ผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรัง
 
 ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอ หรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
 
 ผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ (กลุ่มเพศชาย)
 
 ผู้ที่ใช้สารเสพติด
 
 พ่อครัวหรือแม่ครัวที่ต้องปรุงอาหารเป็นประจำ
 
 ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศที่มีความเสี่ยงด้านสุขอนามัยต่ำหรือเป็นสถานที่ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ควรได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือน
 
 ไวรัสตับอักเสบบี (HEPATITIS B VIRUS)
 
 ไวรัสตับอักเสบบี เป็นสาเหตุของการเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับ ไวรัสตับอักเสบบีนั้นมีการติดต่อผ่านทางเลือด และการติดต่อจากแม่สู่ลูกซึ่งเป็นทางติดต่อที่พบมากที่สุด
 
 การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
 
 การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
 
 การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
 
 การใช้เข็มสักตามตัวหรือสีที่ใช้สักตามตัวร่วมกัน และการเจาะหู
 
 การใช้แปรงสีฟัน มีดโกน ที่ตัดเล็บร่วมกัน
 
 การติดเชื้อขณะคลอดจากแม่ที่มีเชื้อ (ถ้าแม่มีเชื้อลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
 
 การถูกเข็มตำจากการทำงาน
 
 การสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล
 
 อย่างไรก็ดี เชื้อนี้จะไม่ติดต่อกันทางลมหายใจ อาหารหรือน้ำดื่ม การให้นม และการจูบกัน (ถ้าปากไม่มีแผล)
 
 
 อาการโรคไวรัสตับอักเสบบี
 
 เชื้อจะมีระยะฟักตัวประมาณ 2-3 เดือน แล้วจึงเริ่มแสดงอาการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการ
 
 อ่อนเพลีย คล้ายเป็นหวัด
 
 คลื่นไส้ อาเจียน
 
 จุกแน่นใต้ชายโครงขวาจากตับโต
 
 ปัสสาวะเข้ม
 
 ตาเหลือง
 
 ผู้ที่ควรรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
 
 ทารกแรกเกิดทุกราย เด็ก และวัยรุ่นที่ไม่ได้รับวัคซีนเมื่อแรกเกิด
 
 ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง
 
 ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี
 
 ผู้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ
 
 ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ทำการฟอกไต
 
 ผู้ป่วยที่ได้รับเลือดบ่อย ๆ
 
 ผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
 
 ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
 
 ไวรัสตับอักเสบซี (HEPATITIS C VIRUS)
 
 ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมักจะไม่ทราบมาก่อนว่ามีเชื้อนี้อยู่ในร่างกาย จะทราบก็ต่อเมื่อไปตรวจร่างกายแล้วพบค่าการอักเสบของตับผิดปกติ และตรวจเลือดพบการติดเชื้อ
 
 การติดเชื้อไวรัสชนิดซี สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์คล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ทางการให้นมบุตร การจามหรือไอรดกัน การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำด้วยกัน และการใช้ถ้วยชามร่วมกัน
 
 
 อาการโรคไวรัสตับอักเสบซี
 
 ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี ส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อ เนื่องจากมักไม่แสดงอาการ ทำให้เมื่อติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย เกิดการดำเนินของโรคแบบค่อยเป็นค่อยไป หรืออาจมีอาการน้อยและอาการเหมือนโรคทั่วไป เช่น
 
 เบื่ออาหาร
 
 อ่อนเพลีย
 
 ไข้ต่ำๆ
 
 คลื่นไส้อาเจียน
 
 ปัสสาวะสีเข้ม
 
 ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ผู้ที่เป็นและไม่ได้รับการรักษาจะกลายเป็นไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง และในที่สุดจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่ ตับแข็ง และมะเร็งตับ
 
 ไวรัสตับอักเสบดี (HEPATITIS D VIRUS)
 
 เป็นไวรัสที่ไม่สมบูรณ์ ต้องอยู่ร่วมกับไวรัสตับอักเสบบี สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางการสัมผัสกับเลือดที่มีเชื้อ ผ่านเข็มฉีดยาที่ปนเปื้อน หรือมีเพศสัมพันธ์
 
 การติดเชื้อจะเกิดขึ้นพร้อมกับไวรัสตับอักเสบบีหรือเกิดในผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแฝงอยู่ ในร่างกาย โดยอาการจะทำให้เกิดตับอักเสบซ้ำซ้อนขึ้นมาในผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี การรักษาเป็นการรักษาร่วมกันไปกับไวรัสตับอักเสบบี
 
 อาการโรคไวรัสตับอักเสบดี
 
 อุจจาระ สีซีด
 
 ปัสสาวะ สีเข้ม ตาและตัวเหลือง
 
 อ่อนเพลีย อาจมีไข้
 
 คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
 
 ปวดท้อง
 
 ถึงแม้ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบดี แต่ยังมีวัคซีนสำหรับไวรัสตับอักเสบบี และเนื่องจากการเกิดโรคตับอักเสบดีต้องอาศัยการติดเชื้อไวรัสอักเสบบีมาก่อน เพราะฉะนั้นการได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีจะช่วยป้องกันการติดเชื้อทั้งสองสายพันธุ์ได้
 
 ไวรัสตับอักเสบอี (HEPATITIS 5 VIRUS)
 
 เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ตับและทำให้ตับเกิดการอักเสบ มีลักษณะคล้ายไวรัสตับอักเสบเอคือ ไม่เป็นโรคเรื้อรังเหมือนโรคไวรัสตับอักเสบบี ซี และดี และเมื่อร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อแล้วก็จะหายเป็นปกติ การแพร่เชื้อของโรคไวรัสตับอักเสบอี เกิดจากอาหาร น้ำดื่ม หรืออุจจาระที่มีการปนเปื้อน
 
 อาการโรคไวรัสตับอักเสบอี
 
 ผิวเหลือง ตาขาว(ดีซ่าน)
 
 ปัสสาวะสีเข้ม
 
 อุจจาระสีอ่อน
 
 กดเจ็บบริเวณชายโครงด้านขวา(ตำแหน่งของตับ)
 
 ปวดช่องท้อง
 
 คลื่นไส้ และมีไข้